เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๖ เม.ย. ๒๕๕๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราเกิดเป็นคนเนาะ เราเกิดเป็นคนต้องขวนขวาย เราขวนขวายมา ขวนขวายมาทำบุญกุศลของเรา ทำบุญกุศลของเรา คนนี้มาจากไหน คน เวลาคนมาจากไหน? มาจากพ่อจากแม่ เรารู้ได้แค่นั้นไง แต่โลกเขาไม่เชื่อกัน เขาว่า “เกิดมาชาติเดียวเท่านั้นแหละ นรกสวรรค์เขียนเสือให้วัวกลัว ไม่มีหรอก เราไม่ต้องไปสนใจทั้งนั้น เราขวนขวายทำคุณงามความดีของเรา” นี่พูดถึงคนที่เขามีคุณงามความดีทางโลกนะ

คนที่เขาต่อต้านเขาบอกเขาไม่นับถือศาสนาใดๆ ในปัจจุบันไม่นับถือศาสนาใดๆ ในช่องที่ให้กาว่านับถือศาสนาใด เขากาในช่องไม่นับถือศาสนาใดๆ เลย เขานับถือวิทยาศาสตร์ เขานับถือแต่สิ่งที่เขาพิสูจน์ได้ สิ่งที่พิสูจน์ได้มันก็พิสูจน์ได้ ศาสนาก็พิสูจน์ได้ถ้าคนเรามีสัจจะ มีความมุมานะ มีความอดทน

ชีวิตนี้คืออะไร? ชีวิตคือพลังงาน พลังงานมาจากไหน ปฏิสนธิจิตเกิดในไข่ เกิดในครรภ์ เกิดในน้ำครำ เกิดในโอปปาติกะ กำเนิดแล้วเราถึงได้สถานะของมนุษย์มา สถานะของมนุษย์คือละครบทหนึ่ง ละครบทหนึ่ง ผลของวัฏฏะๆ ไง ผลของวัฏฏะนะ ดูสิ สิ่งที่มีชีวิตๆ โลกก็มีชีวิต โลกที่มีชีวิต ดูสิ ดูทางธรณีวิทยาของเขา สิ่งที่เขาพิสูจน์กันสิบล้านปี ร้อยล้านปี พันล้านปีนี่เด็กๆ เป็นพันๆ ล้านปี ทางธรณีวิทยาเขาพิสูจน์ของเขาได้ เห็นไหม โลกมันก็มีชีวิตของมัน เพราะโลกมีชีวิตของมัน นี่คือโอกาสนะ โอกาสที่โลกมันยังอุดมสมบูรณ์อยู่ โลกยังให้เราพึ่งพาอาศัยได้

ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมา เวลาตรัสรู้ธรรมตรัสองค์เดียวทั้งนั้นแหละ โลกนี้เป็นอจินไตย โลกนี้เป็นอจินไตย วิทยาศาสตร์พิสูจน์กันแล้วตื่นเต้นกันมาก ธรณีวิทยาพิสูจน์กันว่าโลกนี้มันมีชีวิตของมัน มันเคลื่อนไหวของมัน มันเป็นไปของมัน มันเคลื่อนไหวมันก็เป็นโอกาสเราไง

ดูชีวิตเราสิ ชีวิตเรา ๑๐๐ ปี ๑๐๐ ปีนี้โอกาสของเรานะ ถ้าโอกาสของเรา เราทำสิ่งใดบ้างล่ะ เราทำสิ่งใดเราทำประโยชน์เราก็ทำประโยชน์ เราเกิดมา คนจะดีจะชั่วเขาดูที่หน้าที่การงาน รับผิดชอบไหม มีความรับผิดชอบ รับผิดชอบในชีวิตของเรา รับผิดชอบในหน้าที่การงานของเรา รับผิดชอบในสังคมของเรา

ดูสิ ในบ้านในตระกูลของเรา เรารับผิดชอบในตระกูลของเราไหม เราเกิดมาในชาติในตระกูลนั้นเรารับผิดชอบไหม ในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าตระกูลใดรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ซ่อมแซมบำรุงรักษาของใช้ของสอยในตระกูลนั้น ตระกูลนั้นจะมั่นคงยั่งยืน ตระกูลไหนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ตระกูลไหนไม่บำรุงรักษา ตระกูลนั้นจะยั่งยืนไปไม่ได้ นี่ฆราวาสธรรมๆ ฆราวาสธรรมเขายังทำของเขาเพื่อประโยชน์ของเขา นี่ประโยชน์ของเขานะ ถ้าคนที่มีเชาวน์มีปัญญาขึ้นมา เราเก็บเล็กผสมน้อย “ศีล สมาธิ ปัญญา”

“ทำไมต้องมีศีล ทำไมคนอื่นเขาอยู่ของเขาได้ ทำไมคนอื่นเขาขวนขวายของเขา เขาทำอะไรของเขา เขาอยู่ตามสะดวกของเขา ทำไมเราต้องมาละเว้นๆ”

อ้าว! มาละเว้นๆ เพราะอะไร เพราะมันเบียดเบียนตนไง เราก็รู้อยู่ ดีหรือชั่ว ถ้าความดี ความดีก็ทำสิ ดูสิ เวลาถือศีลๆ คือความปกติของใจ แล้วเวลาศีล บอก “ไม่ทำอะไรเลย ไม่ผิดศีลใดๆ เลย” แล้วธรรมล่ะ ธรรมมันจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไรถ้าเราไม่มีน้ำใจ เราไม่มีการกระทำขึ้นมา ถ้ามีการกระทำขึ้นมา สิ่งใดที่มันเป็นคุณงามความดี เราเหยียบคันเร่งสิ เวลาสิ่งใดที่มันรู้อยู่ว่าเราไม่ชอบ สิ่งนี้เราไม่ชอบ คนอื่นก็ไม่ชอบเหมือนกัน เหยียบเบรกสิ เบรกมันไว้ หัวใจที่มันจะทำลายเรา เบียดเบียนตนและเบียดเบียนผู้อื่น เพราะเรารู้ ดีหรือชั่วเรารู้ เรารู้ขึ้นมา สัจจะอย่างนี้มันเป็น อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เราเป็นที่พึ่งของเรานะ ถ้าจิตใจของเราพึ่งเราได้ เรากลับบ้าน เห็นไหม ถ้าบ้านใครอบอุ่น ใครก็อยากกลับบ้านใช่ไหม กลับบ้านไปแล้วมีแต่ความเดือดร้อน ใครมันอยากกลับบ้านล่ะ

นี่ก็เหมือนกัน หัวใจของเรามันสะอาดบริสุทธิ์ หัวใจเรามีแต่ความอบอุ่น ทำไมเราอยู่กับใจเราไม่ได้ล่ะ ถ้าบ้านเรา ในบ้านมีแต่เรื่องกระทบกระทั่งกัน ในบ้านมีแต่เรื่องเดือดร้อน เสร็จงานแล้วไม่อยากกลับบ้านเลย อยากจะไปที่ไหนก็ได้ให้มันพ้นๆ ไป

นี่ก็เหมือนกัน หัวใจของเรามีแต่ความหมักหมม พอคิดถึงเราทีไรมันสยอง “ทำไมเอ็งทำได้ขนาดนี้ เอ็งทำอะไรไว้ขนาดนี้ เอ็งสยองเลย” ถ้าเรามีสติมีปัญญาของเรา เรารักษาของเรา

ดีหรือชั่ว เราได้สถานะนี้มา ชีวิต โอกาสของเรา ชีวิตนี้ก็เท่านี้ มีเท่านี้ เพราะว่า ดูสิ โลกก็มีชีวิตเหมือนกัน ดูอายุขัยของโลก แล้วโลกนี้เป็นอจินไตยนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าเป็นอจินไตย ทางโลกเขาตื่นเต้นกัน “โลกแตกๆ”

เวลาไปถามหลวงตา หลวงตาบอกว่าหัวใจมันจะแตก เพราะว่าตัณหาความทะยานอยากมันบีบคั้นในหัวใจ เราไปห่วงแต่โลกแตกๆ นี่โลกแตก โลกเป็นอจินไตย ไม่ต้องไปวิตกกังวลอย่างนั้นหรอก วิตกกังวลนะ พอไม่วิตกกังวล สภาวะโลกร้อน ทำอย่างไรก็ได้ให้เรือนกระจกมันทำให้สภาวะโลกร้อน...เราก็ไม่ทำอย่างนั้น แต่มันวิตกกังวลไปอนาคต ล่วงหน้า มันนานไกลไป

แต่ถ้าเรามีสติปัญญาของเราแล้ว หัวใจมันจะแตกสลายไปอยู่นี่ ความทุกข์ยากในหัวใจบีบคั้นอยู่นี่ แล้วจะทำอย่างไรล่ะ หน้าที่การงานก็หน้าที่การงาน อยู่กับโลกก็อยู่กับโลก มันเป็นสังคม สัตว์สังคม มนุษย์เป็นสัตว์สังคม สัตว์สังคมมันก็เบียดเบียนกันอยู่อย่างนี้ แต่ถ้าใครมีคุณธรรม ใครมีหัวใจที่ดีขึ้นมา มันจะเบียดเบียนกันได้อย่างไรล่ะ มันเบียดเบียนไม่ได้เพราะใจเขาใจเรา เราไม่ต้องการให้ใครทำสิ่งใดกับเรา เราก็ไม่ควรทำอย่างนี้กับคนอื่นเหมือนกัน ถ้าเราไม่ทำกับคนอื่นเหมือนกัน โลกมันสงบร่มเย็นลงมาไหม ถ้าสงบร่มเย็นขึ้นมา นี่สังคมที่สงบร่มเย็น

ดูสิ การลงทุนๆ เขาบอกว่าถ้าการเมืองมั่นคงๆ มันดีงามไปหมดแหละ ถ้าการเมืองมีวิกฤติขึ้นมา การลงทุน เขาไม่อยากมาลงทุนด้วย นี่ก็เหมือนกัน ถ้าสังคมมันร่มเย็นเป็นสุข สังคมมันดีขึ้นมา สังคมจากข้างนอก-สังคมจากข้างใน อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา ไม่คบคนพาล เวลาพาลข้างนอก เราเห็นได้หมด คนนู้นก็พาล คนนั้นเป็นบัณฑิต คนนั้นเป็นคนดี คนนั้นเป็นคนเลว คนนั้นๆๆ

แล้วพาลในหัวใจล่ะ เวลามันคิด คิดสิ่งใด คิดสิ่งที่เบียดเบียนตนเอง แล้วถ้ามันคิดสิ่งดี สิ่งที่ดีๆ กิเลสมันไม่ชอบ “สิ่งที่ดี เราเสียเปรียบ เราทำอะไรเราไม่ได้สิ่งใดเลย เราต้องได้ๆๆ”...ไอ้ที่ได้ๆ ไม่ได้อะไรเลย เห็นไหม การเสียสละออกไป การเสียสละออกไป สิ่งที่ได้มา ได้บารมีธรรม เห็นไหม ความดีไง กลิ่นของศีลหอมทวนลมไง

เวลาดูองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสิตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์องค์เดียวเท่านั้นแหละ ทั้งที่เวลาปัญจวัคคีย์อุปัฏฐาก นี่อยู่ ๖ เวลาปัญจวัคคีย์ทิ้งไป เหลือ ๑ เหลือองค์เดียว เวลาตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ เสวยวิมุตติสุขๆ เวลาเทศน์ธัมมจักฯ ครั้งแรก ไปเทศน์ปัญจวัคคีย์ เทวดาส่งข่าวเป็นชั้นๆๆ ขึ้นไปนะ ชั้นๆ ขึ้นไปเพราะอะไร เพราะโลกนี้เดือดร้อนนัก โลกนี้มีแต่ความเร่าร้อนนัก โลกนี้บีบคั้นหัวใจนัก เวลาธรรมจักรมันเคลื่อนแล้ว เทวดา อินทร์ พรหมมันมีทางออกไง มันมีทางออกแล้วไง ส่งข่าวเป็นชั้นๆๆ ขึ้นไป

สิ่งที่ทำขึ้นมามันเป็นความจริงในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม ถ้าในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สัจจะความจริงอันนี้ จนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมานะ “จะสอนใครได้หนอ จะสอนใครได้หนอ” มันลึกลับซับซ้อนเกินไปไง ลึกลับซับซ้อนเกินไป

วิทยาศาสตร์มันพิสูจน์ได้ พิสูจน์ได้ทางสสาร พิสูจน์ได้โดยทฤษฎีของเขา นี่ก็เหมือนกัน เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะวางธรรมวินัยไว้ มันก็เป็นวิธีการ ก็เป็นวิทยาศาสตร์ทางพระพุทธศาสนา ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วเวลาทำสมาธิขึ้นมา ศีล สมาธิ ปัญญา ก็บอกว่า “ไม่ต้องทำสมาธิ สมาธิทำทำไม สมาธิ ฤๅษีชีไพรเขาก็ทำกันอยู่แล้ว ต้องใช้ปัญญาไปเลย ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา” ปัญญาอย่างนี้ปัญญาขี้โกง ปัญญาของกิเลสไง โลกียปัญญาไง ปัญญาสถานะของมนุษย์เรานี่ไง ปัญญาแบบวิทยาศาสตร์นี่ไง ก็พิสูจน์กันที่นี่ไง

ก็บอกว่า “นรกสวรรค์ไม่มี มันเป็นไปไม่ได้ พิสูจน์ไม่ได้”

ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ บุพเพนิวาสานุสติญาณ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย้อนอดีตชาติไป “เราเคยเป็นพระเวสสันดร” มันมาจากไหนล่ะ ถ้าไม่มีสิ่งนี้มา ปัญจวัคคีย์กับพระพุทธเจ้าออกปฏิบัติด้วยกัน ๖ องค์ แล้วเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์ธัมมจักฯ ขึ้นมา ปัญจวัคคีย์ ๕ คน นักบวช ๕ คนทำไมพระอัญญาโกณฑัญญะรู้คนเดียวล่ะ นี่ไง ถ้ามันไม่มีขึ้นมา ดูสิ ศึกษาเหมือนกัน ศึกษาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนกัน ฟังธรรมด้วยกัน แต่ทำไมรู้องค์เดียว รู้องค์เดียวเพราะว่าอำนาจวาสนาของเขามันไม่เหมือนกัน

บุพเพนิวาสานุสติญาณไง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย้อนอดีตชาติไปไง “เราได้สร้างมาๆ เราได้ทำของเรามาแล้ว” เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งใครขึ้นมา พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะตั้งเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายเบื้องขวา นี่ของเขาๆๆ เวลาพระด้วยกันติเตียนไงว่าถ้าจะตั้งอัครสาวกก็ต้องตั้งพระอัญญาโกณฑัญญะเพราะเป็นสงฆ์องค์แรกของโลก ปัญจวัคคีย์อุปัฏฐากมา ๖ ปีด้วย ทำไมไปตั้งผู้บวชใหม่

พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะเวลามาบวชกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๗ วันเป็นพระอรหันต์เลย ๗ วัน ๑๔ วัน แล้วเวลาตั้งขึ้นมา ตั้งขึ้นมาก็บอกว่าไปตั้งผู้ที่มาใหม่ แล้วของเก่าทำไมไม่ตั้ง ผู้ที่ตรัสรู้องค์แรกของโลกทำไมไม่ตั้ง

นี่ไง มองแบบวิทยาศาสตร์ มองแบบโลกไง “ไม่เป็นประชาธิปไตย ลำเอียง”

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไม่ใช่ ของเขาๆ ของพระสารีบุตร ของพระโมคคัลลานะ เขาปรารถนาเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวา เขาได้สร้างบารมีของเขามา เขาได้สร้างบารมีของเขามาตั้งแต่ภพชาติต่างๆ เขาทำของเขามา เขาปรารถนาตำแหน่งนี้ เขาปรารถนาของเขา แล้วเขาสร้างของเขามาสมบูรณ์ของเขา แล้วเขามา พระพุทธเจ้าก็บอกนี่ของเขา คืนเขา ให้เขา ไม่ใช่ของใคร แต่โลกไง วิทยาศาสตร์ไง “ลำเอียง ลำเอียง”

เห็นไหม เขาทำของเขามา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาได้สร้างสมบุญญาธิการมา ฉะนั้น เวลาเราเชื่อเรื่องกรรมๆ กรรมดีกรรมชั่ว สิ่งที่เป็นอดีตมา สิ่งที่เราทำมาแล้วก็แล้วกันไป มันเป็นอดีตมาแล้วก็วางไว้ อนาคตยังมาไม่ถึงใช่ไหม เราอยู่กับปัจจุบันของเรา ตั้งสติได้ ถ้าเรามีสติปัญญา เราตั้งของเราได้ เราก็มีสติควบคุมพฤติกรรมของเรา เราทำสิ่งใดเพื่อประโยชน์กับเรา ประโยชน์นะ ประโยชน์ หายใจเข้าและหายใจออก ไม่หายใจทิ้งเปล่าๆ

หายใจเข้าและหายใจออกทางวิทยาศาสตร์หายใจเพื่อดำรงชีวิต แต่ถ้ามีสติปัญญา กำหนดลมหายใจ มีสติ มันเป็นอานาปานสติ ถ้ากำหนดพุทโธด้วยเป็นพุทธานุสติ สิ่งนี้สติมันเกิดขึ้น มันเป็นผลดีกับใครล่ะ? มันก็เป็นผลดีกับจิตดวงนั้น เป็นผลดีกับจิตดวงที่กำหนด

ถ้าจิตไม่กำหนดมันก็หายใจทิ้ง เป็นวิทยาศาสตร์หายใจเพื่อดำรงชีวิต แต่ถ้าเรามีสติ เรามีสติมันก็เป็นประโยชน์ของจิตดวงนั้น เพราะจิตดวงนั้นรู้จักอานาปานสติ อานาปานสติมันเป็นสมบัติของใครล่ะ? ก็สมบัติของจิตที่กำหนดนั่นล่ะ มันเป็นสมบัติของเราทั้งนั้นแหละ ถ้าเราทำของเรามันก็เป็นประโยชน์กับเราถ้าเรามีสติมีปัญญา

จะบอกว่า “มันก็หายใจอยู่แล้ว เราก็ทำหน้าที่การงานของเราไป”

หน้าที่การงานนั้น โลกนี้คือละคร ปฏิสนธิจิตได้กำเนิดมา มันเป็นภาระหน้าที่ นี่ผลของวัฏฏะๆ เราเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง มนุษย์ชาติหนึ่งเราก็มีหน้าที่การงานของเราโดยธรรมชาติของเรา หาปัจจัยเครื่องอาศัยเพื่อดำรงชีวิต ดำรงชีวิตนี้ไว้เพื่อศึกษาค้นคว้า ดำรงชีวิตนี้ไว้สอนจิตของเรา ดำรงชีวิตนี้ไว้ให้จิตของเรามันมีปัญญา มีสติปัญญารักษาจิตของตัว ถึงจะไปก็ไปตามอำนาจของบุญ อำนาจของกำลังของบุญที่จะพาเราไป ถ้ามีสติปัญญานะ มันเห็นเอง สังโยชน์ ๓ ตัวขาดไป กามราคะ-ปฏิฆะอ่อนไป กามราคะ-ปฏิฆะขาดไป สังโยชน์มันขาดไป แล้วมันเหลืออะไรล่ะ มันเหลืออะไร มันไม่มีอะไร

ไม่มีอะไรแล้วใครพูดอยู่นั่นล่ะ ไม่มีอะไรแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการอย่างไรล่ะ มันไม่มีอะไรแต่มันมี ถ้ามันมี มันมี

นี่ไง ไม่เกิดแล้วไง ถ้ามันไม่เกิด แล้วบทละครใครจะไปเล่นล่ะ มันจะเล่นบทไหน บทเป็นพรหมหรือ บทเทวดาหรือ บทมนุษย์หรือ บทเดรัจฉานหรือ บทอเวจีหรือ ใครจะไปเล่น บทไหนใครจะเล่น แล้วบอกว่า “ไม่มี นรกสวรรค์ไม่มี”

อ้าว! ไม่มีก็เอ็งไม่เห็น เอ็งไม่พิสูจน์ ถ้าเอ็งแน่จริงก็พิสูจน์สิ กำหนดให้ได้ พุทโธๆ กำหนดให้ได้ ถ้าจิตสงบแล้ว ศีล สมาธิ ไม่มีสมาธิ ปัญญานั้นเป็นโลกียปัญญาทั้งหมด ปัญญานั้นเป็นปัญญาขี้โกงทั้งหมด ปัญญานั้นไปฉ้อโกงลิขสิทธิ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกพระอานนท์ “อานนท์ ไม่มีกำมือในเรา ธรรมะเราได้แสดงแล้ว เราได้เผยแผ่แล้ว หน้าที่ของสัตว์โลกบริษัท ๔ เป็นผู้ค้นคว้าเอา ไม่มีในเรา” ลิขสิทธิ์นี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรม รื้อสัตว์ขนสัตว์ ไม่หวงไม่แหน เพราะธรรมะไม่มีกำมือในเรา ไม่มีเลย เผยแผ่หมด แบหมดเลย แต่พวกเราทำกันไม่ได้ เพราะอะไร เพราะโลกียปัญญาไง “ปัญญา นี่มีปัญญา”...ปัญญาขี้โกง ไม่ใช่ปัญญาตามความเป็นจริง

ถ้าปัญญาตามความเป็นจริง ศีล สมาธิ เพราะเป็นสมาธิแล้วมันไม่มีตัวตน ไม่มีอีโก้ ไม่มีสำคัญตนเพราะเป็นสมาธิ สำคัญตนเป็นสมาธิไม่ได้ สมาธิมันเป็นสากล แต่ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา มันจะเป็นสัมมาสมาธิเพราะมีสติปัญญาไง

ฤๅษีชีไพรทำสมาธิแล้ว “สมาธิเป็นของกู กูแน่ กูเก่ง กูรู้วาระจิต กูมีอภิญญา นั่นสมาธิของกู” นี่มีตัวตน

แต่สมาธิถ้ามันมีสติปัญญา สมาธิเป็นสากล แล้วฝึกหัดออกใช้ปัญญา พอเกิดปัญญาอันนั้นขึ้นมา โอ้โฮ! มันสะอึก พูดไม่ออก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดไว้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ธรรมะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ศีล สมาธิ ปัญญา ภาวนามยปัญญา ไม่ใช่โลกียปัญญา ไม่ใช่ปัญญาขี้โกงอย่างที่เราโกงกันอยู่นี้

ฉะนั้น เราได้สถานะของความเป็นมนุษย์มานะ โลกนี้คือละคร ชีวิตเราบทหนึ่ง เราจะเล่นบทไหน แล้วเดี๋ยวเราจะต้องตายไป แล้วบอกว่า “ตายไปแล้วจิตนี้ไม่เคยตายๆ” ไม่เคยตายอย่างไรล่ะ ทำไมถึงไม่เคยตาย มันทำไมถึงไม่เคยตายล่ะ แล้วถ้าเวลามันสิ้นสุด มันจบอย่างไรล่ะ เวลามันไม่จบ มันจะจบอย่างไร ถ้ามันจบมาแล้ว เรามีสถานะแบบนี้ นี่พูดถึงว่าเราเกิดในโลก สิ่งที่มีชีวิต เราก็มีชีวิตชีวิตหนึ่งนะ เวลาทำหน้าที่การงานของเราก็ทำ เวลาเราทำบุญกุศล เราทำเพื่อหัวใจของเราไง

หลวงตาท่านสอนว่า หัวใจมันเดือดร้อน มันเรียกร้องให้คนช่วยมัน มันเรียกร้องนะ ถ้ามันเหมือนหมา มันโดนขังไว้ มันจะเรียกร้องให้ปล่อยมัน จิตใจนี้มันโดนขังไว้ด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก แล้วมันบีบบี้สีไฟ แล้วมันเรียกร้องความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครเห็นมัน แต่ถ้าใครฉลาดนะ กำหนดพุทโธๆ หรือปัญญาอบรมสมาธิ จะเข้าไปหามัน จะเข้าไปหาจิตของเรา เราจะช่วยเหลือจิตของเรา เราจะช่วยเหลือธาตุรู้ ปฏิสนธิจิตนี้ปลดเปลื้องมัน พามันออกจากกรง พามันออกจากการครอบงำของอวิชชา พามันออกมาได้

จิตนี้เรียกร้องความช่วยเหลือ แล้วใครจะช่วยเหลือมัน ก็ต้องตัวมันนั่นแหละ ด้วยสามัญสำนึก มีสำนึกมันก็จะค้นคว้าเข้าไปหาตัวมัน ไม่มีสำนึก “ไม่มี นรกสรรค์ไม่มี ภพชาติไม่มี”

อ้าว! ไม่มีก็เรื่องของเอ็ง นี่วุฒิภาวะไง ความอ่อนด้อย จิตใจอ่อนด้อย จิตใจอ่อนแอก็คิดแบบนั้น จิตใจเข้มแข็ง แต่ไม่ใช่จิตใจเข้มแข็งแบบโลกให้ตื่นโลกไปนะ “แก้กรรมอย่างนั้นๆ” อันนั้นก็เชื่อกันไปนอกศาสนาไปอีก ถ้าในพระพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สัจธรรม ศึกษาตรงนี้ เอาตรงนี้เป็นที่ตั้ง แล้วพยายามขวนขวายของเรา หาสัจจะหาความจริงเพื่อช่วยหัวใจของเรา เอวัง